1.ดอยอ่างขาง
ดอยอ่างขาง อยู่ในเขตอำเภอฝางตอนบนของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นหุบเขาล้อมรอบพื้นที่แอ่งตรงกลางลักษณะคล้ายสี่เหลี่ยม ซึ่งแต่เดิมพื้นที่ตรงกลางนี้เป็นภูเขาหินปูน แต่เมื่อถูกน้ำฝนชะล้างเป็นเวลานานจึงเป็นโพรงและยุบตัวลงเป็นแอ่งพื้นที่ราบ คำว่าอ่างขางจึงหมายถึงอ่างสี่เหลี่ยมในภาษาเหนือนั่นเอง ดอยอ่างขางตั้งอยู่ในเขตหมู่บ้านคุ้มหมู่ที่ 5 ตำบลแม่งอน อำเภอฝาง จังหวัดเชียงใหม่ ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชนกลุ่มน้อยจากสี่เผ่า ได้แก่ ไทยใหญ่ มูเซอดำ ปะหล่อง และจีนฮ่อ
การเตรียมตัวเดินทาง
ฤดูกาลและสภาพอากาศ ดอยอ่างขางมีอากาศเย็นเกือบตลอดทั้งปี อุณหภูมิเฉลี่ยประมาณ 17องศาเซลเซียส เราจึงสามารถไปเที่ยวดอยอ่างขางได้ตลอดทั้งปี ในช่วงเดือนเมษายนเป็นช่วงหน้าร้อนแต่ก็ไม่ร้อนจัด ส่วนดอยอ่างขางหน้าฝนถือเป็นช่วงโลว์แต่ก็ไม่หนาวมากและได้ชมหมอกสวย ช่วงเดือนธันวาคมถึงมกราคมเป็นช่วงไฮซีซั่นของที่นี่ เพราะมีอากาศหนาวและนักท่องเที่ยวนิยมไปดูปรากฎการณ์แม่คะนิ้งหรือน้ำค้างแข็ง
การเดินทางไปดอยอ่างขาง มีหลายวิธี วิธีที่รวดเร็วและสะดวกที่สุดคือ นั่งเครื่องบินไปลงที่อำเภอเมืองเชียงใหม่ ซึ่งใช้เวลาไม่ถึงชั่วโมง จากนั้นเช่ารถขับต่อไปยังอำเภอฝาง หรือจะนั่งรถไฟไปที่ลงที่อำเภอเมืองเชียงใหม่แล้วต่อรถประจำทางไปที่ดอยก็ได้ ด้วยระยะทางประมาณ 160 กิโลเมตร การเดินทางด้วยรถประจำทางจะใช้เวลาประมาณ 3 ชม. นานกว่าขับรถเองนอกจากนี้ ยังมีบริการรถโดยสารประจำทางสายกรุงเทพ-ฝาง-บ้านท่าตอน ขึ้นที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 แต่ใช้เวลาเดินทางนานประมาณ 13 ชั่วโมง มาลงที่ปากทางขึ้นดอยอ่างขาง จากนั้นต่อรถสองแถวขึ้นดอย
การเดินทางในดอยอ่างขาง ถ้าจะให้สะดวกและเป็นส่วนตัวควรเช่ารถขับเที่ยวเอง แต่ควรใช้รถขนาดกลาง กำลังรถดี และมีสภาพดีเพราะเส้นทางมีความลาดชันและคดเคี้ยวบ้าง หรือจะเลือกเหมารถสองแถวนำเที่ยวจากคิวรถวัดหาดสำราญที่ปากทางขึ้นดอยก็ได้เหมือนกัน
ที่พักในดอยอ่างขาง มีหลายรูปแบบตามสไตล์ที่คุณชอบ เช่น ลานกางเต็นท์และเต็นท์ให้เช่ารวมไปถึงบ้านพักของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางซึ่งควรติดต่อจองล่วงหน้า นอกจากนี้ยังมีที่พักและรีสอร์ทเอกชนให้คุณเลือกอีกมากมายอยู่บริเวณโดยรอบดอยอ่างขาง หรือถ้าคุณจะไปเที่ยวแบบเช้าเย็นกลับแล้วไปพักโรงแรมในตัวเมืองเชียงใหม่ก็ยังได้
สถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
จัดตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยมูลนิธิโครงการหลวง เพื่อเป็นศูนย์วิจัยเผยแพร่ความรู้และส่งเสริมอาชีพการปลูกพืชเมืองหนาวแก่ชาวไทยภูเขาบริเวณนี้ ปัจจุบันได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในด้านการจัดภูมิทัศน์ที่สวยงาม เช่น สวนดอกไม้พันธุ์ไม้ และผลไม้เมืองหนาวที่นำเข้าจากต่างประเทศ
สวนบ๊วย สวนท้อ
เป็นไฮไลท์ของสถานีเกษตรหลวงอ่างขางที่นักท่องเที่ยวนิยมมากันมากที่สุดแห่งหนึ่ง สวนบ๊วยตั้งอยู่ริมถนนก่อนถึงสโมสรอ่างขางและฝั่งตรงข้ามของโรงปลูกผัก ส่วนสวนท้อจะอยู่บริเวณหน้าสวนบอนไซ ในช่วงพฤศจิกายนดอกบ๊วยจะเริ่มออกดอกบานสะพรั่งเต็มต้นจนถึงเดือนมกราคมจึงจะเริ่มติดผล
สวนบอนไซ
อีกหนึ่งไฮไลท์ที่น่าไปชมของสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง เป็นสวนบอนไซไม้เมืองหนาวหลากหลายรูปแบบปลูกเรียงรายอยู่ในกระถาง ต้นไม้แคระเหล่านี้ดูแปลกตาแต่น่ารัก นอกจากนี้ภายในสวนบอนไซยังมีสวนหินธรรมชาติ พืชกินแมลง และโดมอนุรักษ์พันธ์ุพืชหายาก
อุโมงค์ดอกนางพญาเสือโคร่ง
ดอกไม้ชนิดนี้มีลักษณะคล้ายกับดอกซากุระของประเทศญี่ปุ่น จึงนิยมเรียกอีกชื่อว่าซากุระเมืองไทย ช่วงปลายธันวาคมถึงกลางมกราคมจะเป็นช่วงที่ดอกนางพญาเสือโคร่งจะบานสะพรั่งสองฝั่งถนน ทำให้ดูคล้ายเป็นอุโมงค์ดอกไม้สีชมพูสวยงามสุดแสนโรแมนติก เส้นทางนี้จะอยู่ระหว่างทางก่อนถึงจุดกางเต็นท์ก่อนถึงสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง
จุดชมวิวม่อนสน
เป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกที่ได้รับความนิยมมากจากนักท่องเที่ยวที่ชอบใกล้ชิดกับธรรมชาติ และยังเป็นลานกลางเต็นท์ที่มีห้องน้ำไว้ให้บริการด้วย ตั้งอยู่ใกล้ฐานปฏิบัติการดอยอ่างขาง
จุดชมวิวสุ่ยถัง
จุดชมวิวที่อยู่ทางไปอำเภอเชียงดาว ห่างจากด่านตรวจตรงสามแยกอ่างขางไปอีก 5 กิโลเมตร เหมาะกับการไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก โดยมีวิวทิวเขาอยู่ด้านหลังและวิวหมู่บ้านสุ่ยถังอยู่ด้านล่าง
จุดชมวิวขอบด้ง
อีกหนึ่งจุดชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นที่คึกคักเป็นพิเศษเพราะมีร้านอาหารเปิดขายในบริเวณนี้หลายร้าน จุดชมวิวขอบด้งตั้งอยู่ระหว่างเส้นทางที่จะไปหมู่บ้านขอบด้งและหมู่บ้านนอแล
จุดชมวิวสุดเขตชายแดนไทยพม่า
ตั้งอยู่ที่ฐานปฏิบัติการบ้านนอแล ซึ่งจุดนี้จะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างชายแดนไทยและพม่า เป็นอีกหนึ่งที่ที่ไม่ควรพลาดเพราะคุณจะได้เห็นวิวทิวเขาน้อยใหญ่ไกลสุดสายตา และวิวแปลงสตอเบอร์รี่แบบขั้นบันได้ทั่วภูเขาทั้งลูก
อ้างอิง:http://www.skyscanner.co.th/news/%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%AD%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%82%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%84%E0%B8%B8%E0%B8%93%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%A1%E0%B8%9E%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%94
2.น้ำพุร้อนฝาง
บ่อน้ำพุร้อนฝาง ตั้งอยู่ภายใน"อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปกเป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มี ความน่าอัศจรรย์อยู่ในตัว ตรงที่เป็นบ่อน้ำพุร้อนที่เกิดขึ้นมาจากหินร้อนเหลวที่อยู่ใต้เปลือกโลก (แม็กม่า) ไหลแทรกมาตามช่องหินขึ้นมาใกล้เปลือกโลก ทำให้ชั้นหินบริเวณนั้นมีอุณหภูมิสูงขึ้น และเมื่อน้ำบาดาลไหลผ่านชั้นหินร้อนดังกล่าว จึงทำให้อุณหภูมิของน้ำนั้นสูงขึ้นตามไปด้วย ทำให้เกิดแรงดันมหาศาล และดันตัวเองผ่านรอยแยกของหินแกรนิตขึ้นมาบนพื้นผิวโลก จนเกิดเป็นน้ำพุร้อนพุ่งขึ้นมา โดยมีไอร้อน เป็นควันลอยคุกรุ่นอยู่ตลอดเวลา ซึ่งความร้อนของน้ำในบ่อน้ำพุร้อนนั้นมีความร้อนสูงประมาณ 80-100 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว
สำหรับ บ่อน้ำพุร้อนฝาง มีมากมายกว่า 50 บ่อ โดยตั้งกระจัดกระจายอยู่ทั่วไปรอบๆ ภายในบริเวณพื้นที่ที่กว้างใหญ่กว่า 10 ไร่ ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติฯ ได้พัฒนาพื้นที่ให้มีความสวยงามเข้ากับธรรมชาติ โดยทำทางเดินด้วยแนวหิน เพื่อให้นักท่องเที่ยวเดิน เข้าไปชมบ่อน้ำพุร้อนได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งบ่อน้ำพุร้อนบางบ่อก็มีขนาดใหญ่ บางบ่อมีขนาดเล็ก แต่ว่าจะมีบ่อใหญ่อยู่หนึ่งบ่อที่จะมี ไอน้ำพุ่งขึ้นสูงกว่า 40-50 เมตร ซึ่งสร้างความตื่นตะลึงให้กับผู้ที่ได้มาชม พร้อมกับส่งกลิ่นกำมะถันกระจายไปทั่วและก็มีบางบ่อที่มี อุณหภูมิสูงถึงขนาดสามารถต้มไข่จนสุกได้ภายในระยะเวลาแค่ 10-20 นาที ซึ่งทางอุทยานแห่งชาติฯ ก็ได้จัดเป็นกิจกรรมต้มไข่ ในบ่อน้ำพุร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยว
น้ำพุร้อนที่พุ่งขึ้นมาจากบ่อเหล่านี้ยังมีคุณสมบัติของแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์มากมาย อย่างเช่น แคลเซียม โซเดียม ซัลเฟอร์ ที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการช่วยรักษาโรคผิวหนัง และโรคไขข้ออักเสบได้ ทั้งยังช่วยให้โลหิตไหลเวียนได้ดี เมื่อนำมาอาบซึ่งบ่อ น้ำพุร้อนฝางก็ได้ผ่านการวิเคราะห์แล้วว่ามีคุณสมบัติของแร่ธาตุดังกล่าว ที่สามารถนำมาอาบได้โดยปลอดภัย ทางอุทยานฯ ได้จัด ทำห้องอาบน้ำแร่ ห้องอบไอน้ำ และบ่อน้ำร้อนไว้ให้บริการแก่นักท่องเที่ยวที่ต้องการมาอาบน้ำพุร้อน โดยตั้งอยู่ก่อนถึงที่ทำการ อุทยานแห่งชาติฯ เล็กน้อย และทางอุทยานแห่งชาติฯ ยังได้จัดให้มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติเดินขึ้นเขา ป่าเบญจพรรณมาถึง ยังบ่อน้ำพุร้อน มีระยะทางประมาณ 1.2 กิโลเมตร
ค่าบริการอาบน้ำแร่
- อาบน้ำแร่กลางแจ้งไม่จำกัดเวลา ผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10
- อบไอแร่ ผู้ใหญ่ 30 เด็ก 10 บาท
- อาบน้ำแร่กลางแจ้งไม่จำกัดเวลา ผู้ใหญ่ 20 เด็ก 10
- อบไอแร่ ผู้ใหญ่ 30 เด็ก 10 บาท
ค่าบริการห้องแช่น้ำแร่
- ค่าบริการท่านละ 50 บาท ใช้บริการ 2 ท่านขึ้นไปต่อห้อง
- ราคาเหมาห้อง ห้องละ 150 บาท ใช้บริการ 3-5 ท่าน
- ถ้าต้องการใช้บริการ 1 ห้อง ต่อ 1 คน คิดห้องละ 100 บาท
- ใช้บริการครั้งละ 30 นาที
บริการผ้าเช่า
- ผ้าถุงผืนละ 10 บาท
- กางเกงตัวละ 10 บาท
- ผ้าขนหนูผืนเล็ก 10 บาท
- ผ้าขนหนูผืนใหญ่ 15 บาท
- ค่าบริการท่านละ 50 บาท ใช้บริการ 2 ท่านขึ้นไปต่อห้อง
- ราคาเหมาห้อง ห้องละ 150 บาท ใช้บริการ 3-5 ท่าน
- ถ้าต้องการใช้บริการ 1 ห้อง ต่อ 1 คน คิดห้องละ 100 บาท
- ใช้บริการครั้งละ 30 นาที
บริการผ้าเช่า
- ผ้าถุงผืนละ 10 บาท
- กางเกงตัวละ 10 บาท
- ผ้าขนหนูผืนเล็ก 10 บาท
- ผ้าขนหนูผืนใหญ่ 15 บาท
สถานที่ติดต่อ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 224 หมู่ 6 ต.โป่งน้ำร้อนอ. ฝาง จ. เชียงใหม่50110
โทรศัพท์ 053-453517 โทรสาร 05 3453 517 อีเมล doiphahompok.np@hotmail.com
โทรศัพท์ 053-453517 โทรสาร 05 3453 517 อีเมล doiphahompok.np@hotmail.com
โดยรถส่วนตัว
จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหลวงแผ่นดินหมายเลข 107 สู่อำเภอฝาง เมื่อมาถึง
อ. ฝางแล้วให้ขับไปตามถนนฝาง-ม่อนปิ่น ประมาณ 3 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนน
รพช. 4054 สู่บ้านโป่งน้ำร้อนอีกประมาณ 8 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานแห่ง
ชาติดอยผ้าห่มปกซึ่งเป็นที่ตั้งของบ่อน้ำพุร้อนฝาง
รถประจำทาง
รถประจำทางมีรถประจำทางปรับอากาศของบริษัทขนส่งจำกัด และบริษัทรถร่วมเอกชน
ระหว่างกรุงเทพ-ฝาง , เชียงใหม่-ฝาง เมื่อถึงอำเภอฝาง จะมีรถรับจ้างคอยบริการรับส่งสู่ที่
ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อีกประมาณ 10 กิโลเมตร
อ้างอิง:http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/fanghotspring.html
3.ดอยผ้าห่มปก
ดอยผ้าห่มปก เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ในเขตของอุทยานแห่งชาติดอยฟ้าห่มปก มีความสูง 2,285 เมตรซึ่งเป็นยอด ดอยที่สูงเป็นอันดับ 2 ของประเทศไทย บนยอดดอยจะเห็นทิวทัศน์มีจุดชมทะเลหมอกและพระอาทิตย์ยามเข้าและจุดชมวิว พระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ดอยผ้าห่มปกมีหมอกปกคลุมจัดและมีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปีและมีลมแรง อีกหนึ่งเสน่ห์ของ ดอยฟ้าห่มปก คือมีพืชพันธุ์และสัตว์ป่าหายากและที่น่าสนใจนานาชนิด อาทิ เทียนหาง บัวทอง ผีเสื้อไกเซอร์อิมพิเรียล ผีเสื้อมรกตผ้าห่มปก ผีเสื้อหางติ่งแววเลือน ผีเสื้อหางดาบตาลไหม้ นกปรอดหัวโขนก้นเหลือง และนกปีกแพรสีม่วง เป็นต้น
การเดินทางขึ้นไปบนยอดดอยสูงสุดของดอยผ้าห่มปกต้องเดินเท้าขึ้นไปเท่านั้น ระยะจากจุดกางเต้นท์ระยะทาง 3.5 ก.ม. ใช้เวลาเดินทางไปกลับ 3-4 ช.ม. เพราะฉะนั้นต้องฟิตร่างกายมาให้พร้อมเตรียมน้ำไปด้วย เส้นทางในช่วงแรกค่อนข้างชันและตลอดเส้นทางขึ้นๆลงๆ ตลอดแต่ชันน้อยกว่าช่วงแรก สามารถติดต่อคนนำทางได้ที่ทำการอุทยานของลานกางเต้นท์กิ่วลม ค่าคนนำทางคนละ 300 บาท แต่สำหรับใครที่ไม่ต้องการพิชิตยอดดอย สามารถชมวิวและบรรยากาศบริเวณลานกางเต้นท์ได้ซึ่งมีทะเลหมอกให้เห็นแต่อาจมีต้นไม้ปกคลุมบ้างไม่สามารถเห็น ได้ชัดเจนเหมือนอยู่บนยอดดอย
วิวระหว่างทางขึ้นจุดกางเต้นท์ | |
บรรยากาศพระอาทิตย์ตก ณ จุดกางเต้นท์กิ่วลม | |
ยอดสูงสุดดอยผ้าห่มปก | |
เส้นทางขึ้นยอดดอยผ้าห่มปก | |
สถานที่พักแรม
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิวบนดอยผ้าห่มปก มีที่พักแบบเต้นท์เพียงอย่างเดียว คือ บนลานกางเต้นท์กิ่วลม โดยสามารถเช่า เต้นท์ของอุทยานฯพร้อมเครื่องนอน หรืออาจนำเต้นท์มาเองเสียค่าบำรุงสถานที่ บนยอดกิ่วลมไม่มีร้านอาหารนักท่องเที่ยวต้อง เตรียมอาหารและน้ำดื่มมาเอง มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการ
สถานที่ติดต่อ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 224 หมู่ 6 ต.โป่งน้ำร้อนอ. ฝางจ. เชียงใหม่50110
โทรศัพท์ 053-453517 โทรสาร 05 3453 517 อีเมล doiphahompok.np@hotmail.com
สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการชมวิวบนดอยผ้าห่มปก มีที่พักแบบเต้นท์เพียงอย่างเดียว คือ บนลานกางเต้นท์กิ่วลม โดยสามารถเช่า เต้นท์ของอุทยานฯพร้อมเครื่องนอน หรืออาจนำเต้นท์มาเองเสียค่าบำรุงสถานที่ บนยอดกิ่วลมไม่มีร้านอาหารนักท่องเที่ยวต้อง เตรียมอาหารและน้ำดื่มมาเอง มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการ
สถานที่ติดต่อ อุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก 224 หมู่ 6 ต.โป่งน้ำร้อนอ. ฝางจ. เชียงใหม่50110
โทรศัพท์ 053-453517 โทรสาร 05 3453 517 อีเมล doiphahompok.np@hotmail.com
ลานกางเต้นท์กิ่วลม | |
โดยรถส่วนตัว
จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงอำเภอฝางแล้วไปตามถนนฝาง - ม่อนปิ่น ประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปตามถนน รพช. 4054 อีก ประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงบริเวณบ่อน้ำร้อนฝาง ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก รวมระยะทางจากเชียงใหม่ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จากเชียงใหม่-ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ประมาณ 160 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
สำหรับเส้นทางไปดอยผ้าห่มปกนั้น ควรเดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ตามถนนสายฝาง – บ้านห้วยบอน ไปจนถึงบ้านห้วยบอน แล้วตรงไปตามถนนลูกรังอีก 5 กิโลเมตร และแยกขวาอีกประมาณ 17 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการต้นน้ำดอยผาหลวงและแยกซ้ายประมาณ 5 กิโลเมตร จะถึงที่ตั้งแคมป์พักแรมกิ่วลม หากใครไม่มีรถสามารถใช้บริการรถเช่าขึ้นดอยผ้าห่มปกจากที่ทำการอุทยานฯ ค่าบริการรับ 1800 บาท หากเกิน 8 คน เพิ่มคนละ 200 ติดต่อโทร 085 447 5810
รถประจำทาง
รถประจำทางมีรถประจำทางปรับอากาศของบริษัทขนส่งจำกัด และบริษัทรถร่วมเอกชน ระหว่างกรุงเทพ-ฝาง , เชียงใหม่-ฝาง เมื่อถึงอำเภอฝาง จะมีรถรับจ้างคอยบริการรับส่งสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อีกประมาณ 10 กิโลเมตร หรือจะให้รถเช่าขึ้นดอยห่มปกตามเบอร์ที่ให้ไว้ให้มารับที่จุดนัดพบที่สะดวกก็ได้
จากตัวเมืองเชียงใหม่ไปตามทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่ - ฝาง) ถึงอำเภอฝางแล้วไปตามถนนฝาง - ม่อนปิ่น ประมาณ 3 กิโลเมตร เลี้ยวขวาไปตามถนน รพช. 4054 อีก ประมาณ 8 กิโลเมตร จะถึงบริเวณบ่อน้ำร้อนฝาง ซึ่งเป็นที่ตั้งที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก รวมระยะทางจากเชียงใหม่ถึงที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก จากเชียงใหม่-ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก ประมาณ 160 กิโลเมตร ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง 30 นาที
สำหรับเส้นทางไปดอยผ้าห่มปกนั้น ควรเดินทางด้วยรถขับเคลื่อนสี่ล้อ ตามถนนสายฝาง – บ้านห้วยบอน ไปจนถึงบ้านห้วยบอน แล้วตรงไปตามถนนลูกรังอีก 5 กิโลเมตร และแยกขวาอีกประมาณ 17 กิโลเมตร จะถึงหน่วยจัดการต้นน้ำดอยผาหลวงและแยกซ้ายประมาณ 5 กิโลเมตร จะถึงที่ตั้งแคมป์พักแรมกิ่วลม หากใครไม่มีรถสามารถใช้บริการรถเช่าขึ้นดอยผ้าห่มปกจากที่ทำการอุทยานฯ ค่าบริการรับ 1800 บาท หากเกิน 8 คน เพิ่มคนละ 200 ติดต่อโทร 085 447 5810
รถประจำทาง
รถประจำทางมีรถประจำทางปรับอากาศของบริษัทขนส่งจำกัด และบริษัทรถร่วมเอกชน ระหว่างกรุงเทพ-ฝาง , เชียงใหม่-ฝาง เมื่อถึงอำเภอฝาง จะมีรถรับจ้างคอยบริการรับส่งสู่ที่ทำการอุทยานแห่งชาติดอยผ้าห่มปก อีกประมาณ 10 กิโลเมตร หรือจะให้รถเช่าขึ้นดอยห่มปกตามเบอร์ที่ให้ไว้ให้มารับที่จุดนัดพบที่สะดวกก็ได้
อ้างอิง:http://www.paiduaykan.com/province/north/chiangmai/doiphahompok.html
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น